“ป้ายทอ” (Textile labels) คือ ป้ายหรือป้ายประทับที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์สิ่งทอ เพื่อระบุข้อมูลต่าง ๆ เช่น ชนิดของผ้า ขนาด วิธีการดูแลรักษา ประเทศผลิต ผู้ผลิต และอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถรู้จักผลิตภัณฑ์สิ่งทอได้ง่ายขึ้น และช่วยให้ผู้ผลิตสามารถติดตามสินค้าได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
โดย “ป้ายทอ” จะมีลักษณะการทอและการใช้งานที่แตกต่างกันไป ซึ่งบทความนี้เราได้รวบรวมลักษณะของ “ป้ายทอ” แบบต่าง ๆ มาให้ทุกท่านได้ทราบกันมากขึ้นค่ะ
1. ป้าย label แบบธรรมดาหรือทาเฟตต้า ( Tafetta ) ป้าย label แบบธรรมดาหรือทาเฟตต้า เป็นป้ายที่ถูกทอแบบปกติทั่วไป มีการทอแบบไม่ยกพื้น ตัวอักษรหรือภาพจะสามารถทอได้ชัดเจน ส่วนตัวด้ายพื้นจะเป็นแบบผ้า cotton ซึ่งจะสามารถทอได้เร็วและง่ายกว่า “ป้ายทอ” แบบอื่น
2. การทอแบบยกพื้น การทอแบบยกพื้นมีลักษณะการทอแบบยกพื้นชั้นเดียว การทอเช่นนี้จะทำให้ได้ ป้ายทอที่สวยงาม หนา และมีความโดดเด่น ในส่วนยกพื้นเองจะมองเห็นลายจุดของด้ายพื้น ส่วนใหญ่แล้วเราจะใช้ทอตัวอักษรหรือรูปภาพ
3. ป้ายทอดามาร์ค ( Damask ) ป้ายทอดามาร์คเป็นชนิดหนึ่งของป้ายทอที่มีความละเอียดอ่อนและมีลวดลายที่สวยงาม มีลักษณะการทอแบบยกพื้นสองชั้น นั่นก็เพื่อให้สีที่ยกพื้นแบบดามาร์คมีความเนียนเข้มขึ้น ไม่มีจุดของด้ายสีพื้นหรือสีอื่นปะปนอยู่ ทำให้ป้ายดูมีความหนาและสีสันสวยงาม ซึ่งปัจจุบันป้ายแบรนด์แบบดามาร์คนี้นิยมใช้กันมากที่สุด
4. ซาติน ( Satin ) ป้ายแบรนด์แบบนี้ใช้เส้นด้ายสีพื้นที่มีความเงางามแบบพิเศษ ใช้ด้ายพื้นที่มีความหนาแน่นและความละเอียดกว่าการทอแบบปกติประมาณ 1.5 – 2 เท่า การทอเช่นนี้มีจุดเด่นคือ ความเงางามของพื้นตัวป้ายและมีความหนา นุ่มนวล ป้ายซาตินจะไม่นิยมทอแบบยกพื้นเหมือนป้ายดามาร์ค เพราะจะเน้นความสวยงามของความเงางามของสีพื้น เหมาะสมกับเสื้อผ้าที่มีราคาแพง แบรนด์ที่มีชื่อเสียง แต่ที่สำคัญราคาของป้ายซาตินจะมีราคาสูงกว่าป้ายแบบดามาร์ค
5. ป้ายทอหลา ป้ายทอหลานี้ไม่มีจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุด จะทำลวดลายซ้ำ ๆ กันทั้งเส้นของป้ายทอ มีลักษณะการนับเป็นหลาแทนที่จะนับเป็นชิ้นหรือเป็นโหล ป้ายทอแบบนี้ใช้ติดเพื่อตกแต่งเสื้อผ้าให้ดูสวยงาม
6. ป้าย Care ป้าย Care เป็น ป้ายทอที่มีลักษณะการทอแบบ Taffeta แต่จะมีวิธีการดูแลรักษา เสื้อผ้านั้นระบุไว้ด้านใน ส่วนใหญ่ ป้ายทอแบบนี้จะออกแบบไว้เย็บติดแบบพับครึ่งแล้วสอดเย็บอีกรอบ
7. ป้ายทอ Size เป็นป้ายทอที่ระบุขนาดของเสื้อผ้า ได้แก่ S, M, L, XL, XXL และขนาดอื่นๆ มีลักษณะการทอแบบ Taffeta ซึ่ง ป้ายทอแบบนี้จะติดเสื้อผ้าแบบพับครึ่งสอดเย็บ และป้ายทอแบบนี้จะใช้คู่กับป้ายทอชนิดอื่นๆ
8. การใช้ดิ้นทองหรือดิ้นเงินในการทอ เนื่องจากดิ้นทองหรือดิ้นเงินมีความเงาและสะท้อนแสง เวลานำมาใช้จะทำให้ป้ายทอมีความสวยงามมาก ดูมีความแปลก ไม่เหมือนใคร และดูพรีเมี่ยมมากขึ้นไปอีก ทำให้เมื่อนำไปติดกับเสื้อผ้าจะทำให้เสื้อผ้าดูสวยงาม แต่ดิ้นทองจะมีราคาสูงกว่าเส้นด้ายปกติ เมื่อนำไปทอจะทอได้ยากกว่าป้ายทอแบบธรรมดา เส้นด้ายจะขาดบ่อยมากกว่า ทำให้ป้ายทอที่ทอด้วยดิ้นทองมีราคาสูงกว่าป้ายปกตินั่นเอง
9. ป้ายทอแบบถักริมหรือทอริม เป็นป้ายทอแบบถักริม ไม่ใช่แบบตัด มีข้อดีคือเมื่อสัมผัสกับผิวแล้วจะมีความนุ่มนวล ไม่ระคายผิว เหมาะสำหรับเสื้อผ้าเด็ก ซึ่งป้ายทอแบบนี้จะสามารถทอจำนวนสีได้ไม่มาก และมีต้นทุนสูงกว่าป้ายทอแบบตัด เพราะเครื่องจักรสามารถทอได้ขนาดเดียว และลักษณะการทอจะยากกว่าการทอแบบตัด
